กฏหมายเกี่ยวกับกันสาดหรือระเบี ยง
ทุกวันนี้กรุ งเทพมหานครจะมองไปทางไหนก็มีแต่ ตึก อาคาร ที่มีความสูงแตกต่างกันไป มีการออกแบบทางสถาปัตยกรรมที่ สวยงาม แต่ใช่ว่าจะสามารถออกแบบและก่ อสร้างได้ตามอำเภอใจ เจ้าของอาคารจะต้ องนำแบบแปลนการก่อสร้างมาขออนุ ญาตต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นซึ่ งเป็นผู้มีอำนาจออกใบอนุ ญาตการก่อสร้าง ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ทั้งนี้ ตามข้อเท็จจริงที่จะกล่าวต่ อไปมีประเด็นปัญหาว่า พระราชบัญญัติดังกล่าวไม่ได้ให้ คำจำกัดความของคำว่า “ระเบียง” เอาไว้ จึงเกิดปัญหาและเป็นช่องว่ างของกฎหมายประการหนึ่งที่ทำให้ มีการหลบเลี่ยงการก่อสร้างระเบี ยงของเจ้าของอาคาร
เรื่องนี้ได้มีการฟ้องคดีต่ อศาลปกครอง สืบเนื่องจากมีการก่อสร้ างอาคารเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๘ ในเขตกรุงเทพมหานคร โดยเจ้าของอาคารได้ยื่นคำขออนุ ญาตก่อสร้างอาคารพักอาศัย ๕ ชั้น โดยที่ชั้น ๒ ถึงชั้น ๕ มีห้องพัก ๑๑ ห้อง จัดแบ่งเป็นสองฟากหันหน้าเข้ าหากัน มีทางเดินร่วมกลาง ฟากทางด้านทิศตะวันตกด้านหลังห้ องพักมีระเบียง และฟากทางด้านทิศตะวันออก อยู่ติดกับที่ดินของผู้ฟ้องคดี จึงเกิดปัญหาว่า ด้านหลังห้องพักถ้าจะทำเป็ นระเบียง จะต้องมีระยะห่างตามข้อบังคั บกรุงเทพมหานคร เรื่อง ควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ข้อ ๗๔
“ซึ่งกำหนดให้อาคารที่ปลูกสร้ างในที่ดินเอกชนให้ผนังด้านที่ มีหน้าต่าง ประตู หรือช่องระบายอากาศ อยู่ห่างจากเขตที่ดินได้ สำหรับชั้นสองลงมาระยะไม่น้ อยกว่า ๒.๐๐ เมตร สำหรับชั้นสามขึ้นไประยะไม่น้ อยกว่า ๓.๐๐ เมตร และวรรคสอง กำหนดให้อาคารที่มีระเบียงด้ านชิดที่ดินของเอกชนริมระเบี ยงต้องห่างจากเขตที่ดิ นตามวรรคหนึ่ง”
เจ้าของอาคารจึงทำเป็นกันสาดมี ขนาด ๑.๕๐ เมตร X ๑.๕๐ เมตร ปลายกันสาดได้ก่ออิฐฉาบปูนเป็ นกันตกสูง ๐.๙๐ เมตร และติดตั้งลูกกรงเหล็กดัด เจ้าของอาคารอ้างว่า นี่คือ กันสาด เนื่องจาก ไม่มีประตูออกสู่บริเวณดังกล่ าวได้ แต่ได้ทำเป็นหน้าต่างแต่หน้าต่ างดังกล่าวเป็นหน้าต่างเตี้ย ผู้พักอาศัยสามารถปีนออกไปใช้ ประโยชน์ กล่าวคือ มีการตากเสื้อผ้า วางสิ่งของต่างๆ โดยใช้พื้นที่ดังกล่าวในลั กษณะที่ไม่แตกต่างไปจากระเบียง เพียงแต่ไม่มีประตูหรือช่ องทางใดๆ ให้ผู้พักอาศัยใช้พื้นที่ โดยสะดวกและเป็นปกติ ซึ่งส่วนที่ยื่นออกไปดังกล่าว ชั้นที่ ๑ และชั้นที่ ๒ ห่างจากที่ดินของผู้ฟ้องคดีน้ อยกว่า ๒.๐๐ เมตร และชั้นที่ ๓ น้อยกว่า ๓.๐๐ เมตร
ผู้ฟ้องคดีฟ้องว่าคำสั่งอนุ ญาตไม่ชอบด้วยกฎมาย เพราะ ไม่ใช่กันสาดแต่เป็นระเบียง จึงร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่ที่ อนุญาตว่าการออกใบอนุญาตไม่ ชอบด้วยกฎหมาย เจ้าหน้าที่มีคำสั่งให้รื้ อถอนเจ้าของอาคารได้อุทธรณ์คำสั่ ง คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีคำสั่ งให้เพิกถอนคำสั่งให้รื้อถอน โดยเห็นว่า พื้นที่ที่จะเป็นระเบียงจะต้ องมีการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดั งกล่าวโดยมีประตูหรือช่ องทางใดๆที่ได้ทำไว้เพื่อวิญญู ชนโดยทั่วไปใช้พื้นที่ระเบี ยงได้โดยสะดวกและเป็นปกติตามข้ อเท็จจริงจึงยังมีสภาพเป็นกั นสาด ผู้ฟ้องคดีจึงได้ร้องทุกข์ต่ อคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์
ซึ่งต่อมาได้โอนมาเป็นคดี ของศาลปกครองตามมาตรา ๑๐๓ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้ งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดี ปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ศาลปกครองสูงสุด เห็นว่า เจ้าของอาคารมีความตั้งใจที่ จะก่อสร้างด้านหลังห้องพักฟากทิ ศตะวันออกให้เป็นระเบียงเช่นเดี ยวกับห้องพักฟากทิศตะวันตก แต่ได้ยื่นแบบแปลนขออนุ ญาตโดยระบุให้ด้านหลังห้องพั กเป็นกันสาด จึงได้เลี่ยงกฎหมายแต่หาได้มี เจตนาที่จะสร้างและใช้พื้นที่ดั งกล่าวเช่นกันสาดไม่กลับต่อเติ มผนังกันตกและติดตั้งกรงเหล็กดั ดบนผนังกันตก ทำให้ผู้อยู่อาศัยในอาคารพิ พาทใช้ประโยชน์จากพื้นที่ที่ ขออนุญาตสร้างเป็นกันสาดโดยเข้ าไปในบริเวณกันสาดผ่านทางหน้าต่ างเพื่อตากเสื้อผ้าและวางสิ่ งของต่างๆ พื้นที่ดังกล่าวจึงมีลักษณะไม่ แตกต่างจากการเป็นระเบี ยงของอาคาร ทำให้ระเบียงมีระยะห่ างจากแนวเขตที่ดินของผู้ฟ้องคดี ๑.๕๐ เมตร อันเป็นการขัดต่อข้อ ๗๔ วรรคหนึ่ง ของข้อบังคับกรุงเทพมหานคร เรื่อง ควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒
ดังนั้น หากเจ้าของอาคารจะสร้างระเบี ยงหรือกันสาดจะต้องสร้างให้ถู กต้องตามกฎหมาย มิฉะนั้นอาจจะต้องรื้อถอนทำให้ เสียหายไม่คุ้มกับการหลบเลี่ ยงดังกล่าว การที่จะเป็นระเบียงหรือกั นสาดนั้น ศาลปกครองสูงสุดได้ดูจากจุ ดประสงค์หรือลักษณะของการใช้งาน ไม่ใช่ว่าจะระบุในแบบแปลนขออนุ ญาตแล้วจะเป็นตามที่เจ้ าของอาคารระบุได้
(อ้างอิงจากคำพิ พากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๑๒/๒๕๔๘)