การไหว้เจ้าของชาวจีน

การไหว้เจ้าของชาวจีน

การไหว้เจ้าของชาวจีน

การไหว้เจ้า เป็นธรรมเนียมประเพณีที่ลูกหลานจีนปฏิบัติสืบทอดกันมา ตามความเชื่อที่จะต้องไหว้เจ้าที่และไหว้บรรพบุรุษเพื่อให้เป็นสิริมงคล และนำมาซึ่งความสุขความเจริญแก่ครอบครัว ในปีหนึ่งจะมีการไหว้เจ้า 8 ครั้ง คือ
ไหว้ครั้งแรกของปี ไหว้เดือน 1 วันที่ 1 คือ ตรุษจีน เรียกว่า “ง่วงตั้งโจ่ย”
ไหว้ครั้งที่สอง ของปี   ไหว้เดือน 1 วันที่ 15 เรียกว่า “ง่วงเซียวโจ่ย”
ไหว้ครั้งที่สาม ของปี   ไหว้เดือน 3 วันที่ 4 เรียกว่า “ไหว้เช็งเม้ง”
ไหว้ครั้งที่สี่ ของปี    ไหว้เดือน 5 วันที่ 5 เรียกว่า “โหงวเหว่ยโจ่ย”
ไหว้ครั้งที่ห้า ของปี    ไหว้เดือน 7 วันที่ 15 คือ ไหว้สารทจีนเรียกว่า “ตงง้วงโจ่ย”
ไหว้ครั้งที่หก ของปี    ไหว้เดือน 8 วันที่ 15 เรียกว่า “ตงชิวโจ่ย”
ไหว้ครั้งที่เจ็ด ของปี    ไหว้เดือน 11 ไม่กำหนดวันแน่นอน เรียกว่า “ไหว้ตังโจ่ย”
ไหว้ครั้งที่แปด ของปี    ไหว้เดือน 12 วันสิ้นปี เรียกว่า ไหว้สิ้นปี หรือ “ก๊วยนี้โจ่ย”
ประเพณีการไหว้เจ้าทั้ง 8 ครั้งนี้ มีคำจีนเฉพาะเรียกว่า “โป๊ยโจ่ย” โป๊ย คือ 8 โจ่ย แปลว่า เทศกาล โป๊ยโจ่ย จึงหมายความว่า การไหว้เจ้า 8 เทศกาล ซึ่งนอกจากการไหว้เจ้า 8 เทศกาลนี้แล้ว บางบ้านอาจมีวันไหว้พิเศษกับเจ้าบางองค์ที่นับถือศรัทธา คือ
การไหว้เทพยดาฟ้าดิน เช่น การไหว้วันเกิดเทพยดาฟ้าดิน เรียกว่า “ทีกงแซ” หรือ “ทีตี่แซ” ก็ได้ ตรงกับวันที่ 9 เดือน 1 ของจีน
การไหว้อาเนี้ยแซ คือ ไหว้วันเกิดเจ้าแม่กวนอิม ปีหนึ่งมี 3 ครั้ง คือ วันที่ 19 เดือน 2, วันที่ 19 เดือน 6 และวันที่ 19 เดือน 9
การไหว้แป๊ะกงแซ ตรงกับวันที่ 14 เดือน 3
การไหว้เทพยดาผืนดิน คือ ไหว้โท้วตี่ซิ้ง ตรงกับวันที่ 29 เดือน 3
การไหว้อาพั้ว “อาพั้ว” คือ พ่อซื้อแม่ซื้อผู้คุ้มครองเด็ก วันเกิดอาพั้ว หรือ “อาพั้วแซ” ตรงกับวันที่ 7 เดือน 7 ของทุกปี
การไหว้เจ้าเตา ไหว้วันที่ 24 เดือน 12 เรียกว่า “ไหว้เจ๊าซิ้ง”
การไหว้เจ้าพิเศษนี้ แล้วแต่ศรัทธาของแต่ละบ้านและแล้วแต่ความจำเป็น เช่น ถ้าที่บ้านไม่มีเด็ก ก็ไม่จำเป็นต้องไปไหว้อาพั้ว หรือถ้าที่บ้านไม่ได้ทำนาทำไร่ก็ไม่มีที่ และไม่มีความจำเป็นต้องไหว้โท้วตี่วิ้ง หรือเทพยดาผืนดิน พูดถึงการไหว้เจ้า จะหมายถึงการไหว้เจ้าที่กับไหว้บรรพบุรุษ เครื่องเซ่นสำหรับไหว้เจ้าที่จะจัดเป็น 1 ชุด เครื่องเซ่นสำหรับบรรพบุรุษจะจัดเป็นอีกชุดต่างหาก การไหว้จะไหว้ในตอนเช้า โดยไหว้เจ้าที่ก่อน พอสายหน่อยจึงจะตั้งโต๊ะไหว้บรรพบุรุษ ซึ่งของไหว้จะมีของคาว ของหวาน ผลไม้ และเครื่องดื่ม โดยมีกับข้าวคาวเพิ่มเข้ามาสำหรับการไหว้บรรพบุรุษ ซึ่งมีธรรมเนียมว่าต้องให้มีของน้ำ 1 อย่าง เช่น แกงจืด
 การจัดของไหว้
ถ้าจัดใหญ่ นิยมเป็นตัวเลข 5 คือ มีของคาว 5 อย่าง เรียกว่า “โหงวแซ” ประกอบด้วย หมู ไก่ ตับ ปลา และกุ้งมังกร แต่เนื่องจากกุ้งมังกรนั้นแพงและหาไม่ง่าย จึงนิยมไหว้เป็ดหรือปลาหมึกแห้งแทน ของหวาน 5 อย่าง เรียกว่า “โหงวเปี้ย” อาจเป็นซาลาเปาไส้หวาน ขนมไข่ ขนมถ้วยฟู ขนมกุยช่าย และขนมจันอับ ผลไม้ 5 อย่าง เรียกว่า “โหงวก้วย”
ถ้าจัดเล็ก ก็เป็นชุดละ 3 อย่าง มีของคาว 3 อย่างเรียกว่า “ซาแซ” ของหวาน 3 อย่าง เรียกว่า “ซาเปี้ย” ผลไม้ 3 อย่าง เรียกว่า “ซาก้วย” หรือจะมีแค่อย่างเดียวก็ได้
ผลไม้ที่ใช้ไหว้ จะนิยมเลือกชนิดที่มีความหมายมงคลอยู่ในตัวเช่น
ส้ม เรียกว่า “ไต้กิก” แปลว่า โชคดี
สาลี่ทอง สื่อถึงเงินทอง มีโชคลาภ หากได้รับประทานสามารถดับร้อน แก้ร้อนในได้เพราะเป็นผลไม้ธาตุเย็น
องุ่น เรียกว่า “ภู่ท้อ” แปลว่า งอกงาม
สับปะรด เรียกว่า “อั้งไล้” แปลว่า มีโชคมาหา
กล้วยหอมหวีใหญ่ กวักโชคลาภเข้ามา สื่อถึงความงอกงาม มีลูกมีหลานสืบสกุล ร่ำรวยเงินทอง
แอ๊ปเปิ้ลแดง สื่อถึงความสันติสุขปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บ
ทับทิม เชื่อกันว่าจะทำให้ครอบครัวอบอุ่น ไม่มีขัดแย้งบาดหมางกัน
ลูกพลับ ในความหมายลูกพลับสื่อถึงจิตใจเข้มแข็ง ความหนักแน่นมั่นคง
แก้วมังกร เป็นผลไม้แห่งอำนาจ ความอุดมสมบูรณ์
หมายเหตุ:ผลไม้ต้องห้าม ที่ไม่ควรซื้อมาไหว้ตรุษจีนเด็ดขาด ด้วยชาวจีนเชื่อว่า เป็นผลไม้ไม่เป็นมงคล ได้แก่ ผลไม้ดิบ ผลไม้สีดำ เพราะสื่อถึงการไว้ทุกข์ ไม่เป็นมงคล นอกจากนี้ผลไม้สีเขียว อาทิ กล้วยดิบ องุ่นเขียว ฝรั่ง ลูกแพร์เขียว
ในกระถางธูปที่ใช้ไหว้เจ้า บางคนนิยมใส่ “โหงวจี้” สำหรับปักธูป ประกอบด้วย เมล็ด 5 อย่าง คือ ข้าวสาร ข้าวเหนียว ถั่วเขียว ถั่วดำ และเชื้อแป้ง (ยีสต์) โดยถือว่าเมล็ดทั้งห้า คือบ่อเกิดของการเจริญเติบโตอุปมาอุปไมยให้การไหว้เจ้านี้นำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรือง
แต่การใช้โหงวจี้ปักธูป มีข้อจำกัดว่าใช้ได้แต่ในบ้าน ถ้าเป็นการไหว้นอกบ้าน ต้องใช้ข้าวสารหรือทราย มิฉะนั้นเชื้อแป้งเมื่อถูกความชื้น เช่น ฝนหรือน้ำค้าง จะทำให้แข็งตัวแล้วปักธูปไม่ลง เมื่อไหว้เจ้าเสร็จก็เผากระดาษเงินกระดาษทองเป็นการปิดท้ายรายการ
ที่มา:หนังสือตึ่งหนั่งเกี้ย

Similar Posts