เทศกาลของชาวจีน
เทศกาลของชาวจีน
เทศกาลใหญ่ ๆ ตามประเพณีที่สืบทอดกันมาและเป็ นที่คุ้นเคยมากที่สุ ดของประชาชนจีนนั้นมีอยู่ด้วย 8 เทศกาลคือ
เทศกาลตรุษจีน เทศกาลหยวนเซียว เทศกาลชิงหมิง เทศกาลตวนอู่ เทศกาลจงเหวียนเทศกาลจงชิว เทศกาลฉงหยาง เทศกาลวันตงจื้อ
เนื่องจากเทศกาลทั้ง 8 ดังกล่าว เป็นวัฒนธรรมของชนชาติจีนที่ แพร่หลายกันมาอย่างกว้ างขวางและมีประวัติอันยาวนานดั งนั้น จึงมีความสัมพันธ์อย่างแนบแน่ นกับชีวิตความเป็นอยู่ของชาวจี น………….สำหรับชาวจีนโพ้ นทะเลที่ย้ายถิ่นฐานมาตั้ งรกรากในประเทศไทยลูกหลานชาวจี นเหล่านั้นอาจไม่รู้ซึ้งถึงความเป็ นมาของเทศกาลเหล่านี้พอถึงวั นเทศกาลก็ได้แต่ทำตามธรรมเนี ยมที่บิดามารดาหรือญาติผู้ใหญ่ ได้ปฏิบัติกันมา เช่น…..ไหว้พระ ไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ วโดยไม่รู้ถึงความเป็ นมาของเทศกาลที่เล่าขานกันมาอย่ างแท้จริง
1. เทศกาลตรุษจีนหรือเทศกาลใบไม้ ผลิ เทศกาลนี้เริ่มต้นในวันที่ 1 เดือน 1ตามจันทรคติ ซึ่งเป็นวันขึ้นปีใหม่ของจีน ชาวจีนทั้งในจีนแผ่นดินใหญ่ ไต้หวัน ฮ่องกง มาเก๊า และชาวจีนโพ้นทะเลที่อาศัยอยู่ ในประเทศต่างๆทั่วทุกมุมโลกต่ างมีการเฉลิมฉลองกัน เทศกาลตรุษจีนเป็นเทศกาลใหญ่ มีการฉลองกันหลายวัน โรงงาน ร้านค้า และสำนักงานส่วนใหญ่ปิดทำการกั นในช่วงเทศกาลตรุษจีน ในประเทศจีน ธรรมเนียมและประเพณีท้องถิ่นเกี่ ยวกับการเฉลิมฉลองตรุษจีนนั้ นหลากหลายมาก ประชาชนจะเทเงินของตนเพื่อซื้ อของขวัญ ของประดับตกแต่ง วัสดุ อาหารและเครื่องนุ่งห่ม นอกจากนี้ยังมีประเพณีว่า ทุกครอบครัวจะทำความสะอาดบ้ านอย่างละเอียดลออ เพื่อปัดกวาดโชคร้ายด้วยหวังว่ าจะเปิดทางให้โชคดีเข้ามา มีการประดับหน้าต่างและประตูด้ วยกระดาษตัดสีแดงและคู่กับธีม โชคดี, “ความสุข, ความมั่งคั่ง และ ชีวิตยืนยาว ที่ได้รับความนิยม ในคืนก่อนตรุษจีน อาหารค่ำเป็นการกินเลี้ยงกั บครอบครัว อาหารนั้นจะมีเช่น หมู เป็ด ไก่และอาหารอย่างดี รสหวาน ครอบครัวจะปิดท้ายค่ำคืนด้ วยประทัด เช้าวันรุ่งขึ้น เด็กจะทักทายบิ ดามารดาของตนโดยอวยพรพวกท่านให้ มีสุขภาพดีและสวัสดีปีใหม่ และได้รับเงินอั่งเปา ประเพณีตรุษจีนนั้นเพื่ อการสมานฉันท์ ลืมความบาดหมางและปรารถนาสันติ และความสุขแก่ทุกคนอย่างจริงใจ
2. เทศกาลหยวนเซียวหรือเทศกาลโคมไฟ คือวันขึ้น 15 ค่ำในเดือน 1 ตามจันทรคติ ซึ่งเป็นวันที่พระจันทร์เต็ มดวงวันแรกของปี ในสมัยโบราณ หยวนเซียวเป็นเทศกาลสำคัญ มีการเฉลิมฉลองโดยการแห่ โคมไฟเป็นขบวนที่มีการประดั บประดาอย่างสวยงาม ประชาชนทั่วไปจะพากั นออกมาชมโคมไฟในช่วงเวลาค่ำคืน แม้สุภาพสตรีผู้ดีที่มีฐานะก็ จะออกมาชมการแห่โคมไฟที่ระเบี ยงหน้าบ้านของตนเอง ในวันนี้ ในที่ต่างๆจะมีการไหว้เจ้า ซึ่งในมณฑลทางใต้ของประเทศจีนนิ ยมเซ่นไหว้ ด้วยสิงโตที่ทำจากน้ำตาล และที่ปั้นจากถั่วลิสงในค่ำคื นของวัน หยวนเซียว คนที่มีความรู้จะชุ มนุมกันดื่มเหล้าดื่มน้ำชา แต่งกลอนและทายปริศนากันอย่ างสนุกสนาน
3. เทศกาลชิงหมิงหรือเทศกาลเช็งเม้ งในภาษาแต้จิ๋ว ซึ่งเป็นวันที่คนจีนกราบไหว้ บรรพบุรุษที่ลุสานหรือที่บ้ านเพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีต่ อผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ในวันเช็งเม้ง บุตรหลานในครอบครัวเดียวกั นจะมาเซ่นไหว้บรรพบุรุษกันอย่ างพร้อมเพรียง แต่ในปัจจุบันซึ่งมีคนที่ต้ องออกไปทำงานในที่ห่างไกลจากบ้ านเกิดจำนวนมาก จึงอาจมีการเซ่นไหว้บรรพบุรุษกั นโดยไม่ได้เดินทางไปที่สุสาน และบ้างก็ไม่ได้ไปที่สุสานตรงกั บวันเช็งเม้ง เพราะติดภารกิจหรือเพื่อหลีกเลี่ ยงจราจรที่ติดขัดในวันนั้น แต่ก่อนเชื่อกันว่า การเซ่นไหว้บรรพบุรุ ษควรทำการภายในเวลาก่อนหรือหลั งเช็งเม้งสามวัน สำหรับในประเทศไทยเทศกาลเช็งเม้ ง ถือวันที่ 5 เมษายนเป็นหลัก[ต้องการอ้างอิง] (บางปีจะเป็นวันที่ 4 เช่น เชงเม้งในปี 2567,2568) แล้วนับวันก่อนถึง 3 วัน และเลยไปอีก 3 วัน รวมเป็น 7 วัน (2 – 8 เมษายน) แต่ในปัจจุบันเนื่องจากมีปั ญหาการจราจรคับคั่ง เลยขยายช่วงเวลาเทศกาลให้เร็วขึ้ นอีก 3 สัปดาห์ (ประมาณ 15 มีนาคม – 8 เมษายน) แต่ในภาคใต้บางพื้นที่ เช่น จังหวัดตรังจะจัดเร็วกว่าที่อื่ น 1 วัน ประมาณวันที่ 4 เมษายนของทุกปี
4. เทศกาลตวนอู่หรือเทศกาลไหว้บ๊ ะจ่าง ตรงกับวันที่ 5 เดือน 5 ตามจันทรคติ ในวันนี้ คนจีนจะห่อขนมจ้าง คือข้าวที่ห่อด้วยใบไผ่ โดยอาจมีไส้หลายอย่าง และมีการแข่งเรือกันตามแม่น้ำ ลำคลองกล่าวกันว่า เทศกาลตวนอู่นี้ เป็นวันที่คนจีนระลึกถึงชวีเหวี ยนซึ่งเป็นขุนนางในรัฐฉู่ในสมั ยเลียดก๊ก เมื่อกว่า 2000 ปีที่แล้ว ชวีเหวียน เป็นผู้รักชาติ เขาเตือนกษัตริย์รัฐฉู่ว่าอย่ าไปหลงเชื่อคำหลอกลวงของรัฐฉิน แต่กษัตริย์ไม่เชื่อ กลับปลดเขาออกจากตำแหน่ง ในที่สุด รัฐฉู่ก็ต้อง เสียดินแดนและกษัตริย์ฉู่ก็ถู กกักขังในรัฐฉิน ชวีเหวียนรู้สึกเศร้าสลดกั บสภาพของบ้านเมืองที่ตกอยู่ ในภาวะอันตราย และการปกครองของประเทศที่ต้องถู กครอบงำโดยขุนนางที่ฉ้อฉล จึงเขียนบทกวีระบายความอัดอันตั นใจ เราไปโดดน้ำตาย เมื่อชาวบ้านทราบข่าวเรื่ องการตายของชวีเหวียน จึงพากันพายเรือเพื่ อตามหาศพของเขา และเอาข้าวที่ห่อด้วยใบไผ่ ไปโปรยลงในน้ำเป็นนัยว่า เพื่อป้องกันไม่ให้ฝูงปลามากิ นซากศพของชวีเหวียน ประเพณีการห่อขนมจ้างและการแข่ งเรือก็มีการสืบทอดกันมาจนถึงปั จจุบัน
5. เทศกาลจงเหวียนหรือเทศกาลสารทจี นตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน7ตามปฏิทินจันทรคติ เทศกาลสารทจีนไม่ถือว่าเป็ นเทศกาลใหญ่ในประเทศจีน แต่คนจีนที่อยู่ในมณฑลทางใต้ ของจีนถือว่าสารทจีนเป็ นเทศกาลที่สำคัญตามความเชื่ อของคนจีน เดือน 7 ตามจันทรคติเป็นเดือนที่ประตู นรกเปิดให้วิญญาณทั้ งหลายออกมารับสิ่งของบริ จาคและรับกุศลผลบุญกัน วันสารทจีนจึงเป็นวันที่ลู กหลานชาวจีนแสดงความกตัญญูต่ อบรรพบุรุษด้วยการทำพิธีเซ่ นไหว้ ทั้งยังเป็นการสร้างบุญกุ ศลโดยการเลี้ยงอาหารให้ผู้ล่ วงลับไปแล้ว โดยเฉพาะผู้ที่ไร้ญาติ และปราศจากการดูแล ประเพณีสารทจีนนอกจากจะเป็ นประเพณีที่ลู กหลานจะแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุ รุษซึ่งล่วงลับไปแล้ว ยังเป็นประเพณีที่มีกุ ศโลบายในการสนับสนุนให้ทุ กคนในครอบครัวทำกิจกรรมร่วมกั นอย่างพร้อมหน้าและมีความสุข
6. เทศกาลจงชิวหรือเทศกาลไหว้พระจั นทร์ ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 ของจันทรคติ คนจีนเชื่อว่า ดวงจันทร์ในฤดูใบไม้ร่วงมี ความสว่างสดใสที่สุด ในวันเพ็ญเดือน 8 ซึ่งเป็นวันที่อยู่กลางฤดูใบไม้ ร่วง ดวงจันทร์จะมีความสดใสสวยงามเป็ นพิเศษ เทศกาลไหว้พระจันทร์เป็นอีกวั นหนึ่งที่คนจีนในครอบครัวเดี ยวกันจะมาพบปะกัน ชมดวงจันทร์ ไหว้เจ้าที่อยู่บนดวงจันทร์ และกินขนมไหว้พระจันทร์กันในวั นนี้ คนจีนจะฉลองกันในรูปแบบต่างๆ นอกจากการไหว้พระจันทร์แล้ว ในบางที่ยังมีการการแห่โคมไฟที่ ประดับประดาอย่างสวยงาม และมีการละเล่นกันในลักษณะอื่ นในเวลาค่ำคืน ขนมประจำเทศกาลจงชิวคือขนมเปี๊ ยะไหว้พระจันทร์ที่มีรูปทรงกลม ทำจากแป้งและมีไส้เป็นพืชพันธ์ ธัญญาหารต่างๆ จงชิวเป็นเทศกาลหนึ่งที่สำคั ญของคนจีน การฉลองเทศกาลจงชิวมีมาตั้งแต่ สมัยโบราณ ดวงจันทร์ที่มี ทรงกลมแสดงความหมายถึงความสมบู รณ์ ครบถ้วน เทศกาลจงชิวนี้จึงเป็นอีกครั้ งหนึ่งที่คนในครอบครัวมาร่วมกั นฉลอง นอกจากนี้ เทศกาลนี้ยังเป็นเทศกาลแห่ งความปรองดอง สมานฉันท์ สำหรับสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีที่ ยังไม่มีคู่ครองหรือคู่รัก จะภาวนาให้ตนได้พบกับคนรั กตามความปรารถนา เพราะคนจีนเชื่อกันว่า เทพเจ้าพระจันทร์มีหน้าที่ ในการจับคู่ชายหญิงเข้าด้วยกัน
7. เทศกาลฉงหยางหรือเทศกาลทั ศนาจรขึ้นเขาไปปิกนิกตรงกับวั นที่ 9 เดือน 9 ตามปฏิทินจันทรคติ ตามความเชื่อของคนจีน เลข 9 เป็นเลขหยางคือเลขที่แสดงขั้ วบวกหรือเพศผู้วันที่ 9 เดือน 9 ซึ่งเป็นวันที่มีหยางคู่กัน 2 ตัว จึงถือกันว่าเป็นวันมงคล ในวันนี้ คนจีนในสมัยก่อนจะพากันออกไปปี นเขา ชมดอกเบญจมาศ ดื่มเหล้าที่ทำจากดอกเบญจมาศหรื อดอกเก๊กฮวย และปลูกสมุนไพรที่เรียกกันว่าจู หวีซึ่งคนจีนเชื่อกันว่ าสามารถไล่พิษได้ กล่าวกันว่า เมื่อกว่า 2000 ปีก่อน มีผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ มีวิชาอาคมคนหนึ่ง สามารถหยั่งรู้เรื่องราวต่างๆที่ ยังไม่เกิดขึ้น ทราบว่าในวันที่เก้าเดือนเก้า โลกมนุษย์จะประสบภัยพิบัติร้ ายแรง จึงแนะนำให้ชาวบ้านออกจากบ้าน ไปปีนสู่ที่สูงในวันนั้น และหาหญ้าจูหวี ซึ่งเป็นสมุนไพรที่มีกลิ่นฉุ นแขวนไว้นอกบ้าน และเสียบบนหัว ชาวบ้านต่างทำตามคำแนะนำ จนถึงเวลาค่ำกลับเข้าบ้าน พบว่า สัตว์เลี้ยงที่อยู่ในบ้ านตายไปหมดแล้ว แต่คนที่ออกไปนอกบ้านต่างก็กลั บมาโดยสวัสดิภาพ ต่อมา ในเทศกาลฉงหยาง จึงเป็นวันที่คนจีนออกไปปีนเขา ชมดอกเบญจมาศ ปลูกต้นจูหวี และยังมีการทำขนมฉงหยางเกา ที่ทำจากแป้งข้าวเหนียว ซึ่งคำว่าเกา ออกเสียงเหมือนกับคำสูง ซึ่งยังสื่อความหมายว่ าสามารถเจริญเติบโตหรือไต่เต้ าสู่ตำแหน่งสูงในชีวิตการงาน ในปัจจุบัน รัฐบาลจีนได้กำหนดให้วันฉงหยาง เป็นวันผู้สูงอายุและวันฉงหยาง ซึ่งมีเลข9อยู่สองตัวคือ99 ออกเสียงเป็นภาษาจีนว่าจิ๋วจิ่ว ซึ่งมีความหมายว่ายาวนานหรือยื นนาน หรือนัยหนึ่ง แสดงว่ามีอายุยืนยาว รัฐบาลจีนจึงรณรงค์ให้เด็กเด็ กและหนุ่มสาวถือเอาวันนี้เป็นวั นแสดงความเคารพ คารวะต่อผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุ
8. วันตงจื้อหรือเทศกาลขนมอี๋กับล่ าปา ตงจื้อแปลว่า ฤดูหนาวมาถึงแล้ว วันเทศกาลตงจื้อนี้ถือว่า เป็นวันที่ฤดูกาลเข้าสู่ฤดู หนาวอย่างเต็มตัว เทศกาลนี้อยู่ในช่วงปลายปี เป็นวันที่คนจีนเซ่นไหว้บรรพบุ รุษกันคล้ายกับวันเช็งเม้งซึ่ งอยู่ในช่วงต้นปี ในสมัยโบราณ วันตงจื้อถือว่าเป็นวันสำคัญวั นหนึ่ง โดยกษัตริย์และขุนนางชั้นผู้ ใหญ่จะทำพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุ ษเช่นเดียวกับวันเช็งเม้ง ขนมประจำเทศกาลตงจื้อ คือขนมบัวลอยซึ่งเป็นขนมเม็ ดกลมที่ทำจากแป้งเรียกว่ าขนมเหวียน ซึ่งในภาษาจีนนอกจากแปลว่ ากลมแล้ว ยังมีความหมายไปในทางกลมกลืน สมบูรณ์ ราบรื่น ซึ่งมีนัยว่า คนในครอบครัวอยู่กันอย่างปลดถ้ วนและมีความกลมกลืน ในสมัยก่อน เทศกาลตงจื้อ ถือตามวันจันทรคติ แต่ในสมัยปัจจุบัน ตงจื้อมักกำหนดให้ตรงกับวันที่ 21หรือ 22 ธันวาคม ของทุกปี เช่นเดียวกับวันเช็งเม้ง วันตงจื้อ ก็เป็นวันที่คนจีนเซ่นไหว้ บรรพบุรุษที่สุสาน ประเทศกาลเช็งเม้งอยู่ในช่วงฤดู ใบไม้ผลิซึ่งเป็นช่วงที่มี ฝนตกชุก คนจีนบางส่วนมีการบรรพบุรุษในวั นตงจื้อ แทนที่จะไหว้ในวันเช็งเม้ง(หรื อบางคนก็ว่าทั้งสองวัน) เนื่องจากวันตงจื้อเป็นเทศกาลสุ ดท้ายก่อนสิ้นปี คนจีนจึงเห็นว่า เมื่อผ่านวันนี้ไปแล้ว ก็ถือได้ว่ามีอายุเพิ่มขึ้นอี กหนึ่งปีแล้ว
ที่มา:INEWHORIZON