หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีประกันของบริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน)
ครั้งที่ 1/2566
เสนอขายวันที่ 18-19 และ 22 พฤษภาคม 2566 นี้
ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้
จุดเด่น
-
บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) บริษัทฯ เป็นบริษัทย่อยของ ORI ซึ่งมีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทฯ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566 คิดเป็นร้อยละ 70.36 โดยบริษัทฯ ถือเป็นบริษัทแกนนำหลัก (Flagship Company) ของกลุ่ม ORI ในการดำเนินธุรกิจเพื่อประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบในประเทศไทย
-
บริษัทฯ ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบ ภายใต้ 4 แบรนด์หลัก ซึ่งแบ่งตามกลุ่มลูกค้าเป้าหมายและรูปแบบของโครงการ ได้แก่ (1) แบรนด์ “เบลกราเวีย” พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว (2) แบรนด์ “แกรนด์ บริทาเนีย” พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว และบ้านแฝด (3) แบรนด์ “บริทาเนีย” พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม และ (4) แบรนด์ “ไบรตัน” พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค
-
รายได้ในตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบที่เติบโตขึ้น โดยรายได้ของบริษัทในปี 2565 เพิ่มขึ้น 65.0% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน อีกทั้งบริษัทยังสามารถควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพส่งผลให้กำรไรสุทธิของบริษัทในปี 2565 เพิ่มขึ้น 144.1% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน*
-
บริษัทฯ เคยออกหุ้นกู้มาแล้ว 2 ชุด ตั้งแต่ปี 2565** และมีประวัติชำระหนี้ที่ดีมาโดยตลอด
-
หมายเหตุ :
*ข้อมูลจาก https://investor.britania.co.th/
** ข้อมูลจาก https://www.thaibma.or.th ณ วันที่ 10/04/2566
วัตถุประสงค์ของการออกหุ้นกู้
[เพื่อซื้อที่ดิน และ/หรือ ใช้ในการชำระคืนหนี้สินของบริษัท และ / หรือ ใช้เป็นเงินทุนภายในปี 2566]
คำเตือนและความเสียงที่สำคัญ
-
ความเสี่ยงจากการจัดหาที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต จากสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ทำให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เน้นพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทบ้านแนวราบมากกว่าการพัฒนาโครงการประเภทคอนโดมิเนียม จึงทำให้การซื้อที่ดินในทำเลชานเมืองหรือทำเลที่เหมาะสมในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทบ้านแนวราบมีการแข่งขันสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาที่ดินปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งอาจทำให้บริษัทฯ และผู้ประกอบการรายอื่นๆ ต้องจัดซื้อที่ดินในราคาที่สูงขึ้น
-
ตามที่กำหนดในสัญญาไม่แข่งขันทางธุรกิจระหว่างบริษัทฯ และบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) นั้น ทำให้บริษัทฯพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทแนวราบเท่านั้น ซึ่งรวมถึงบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ทาวน์เฮ้าส์ และอสังหาริมทรัพย์อื่นที่มีลักษณะเดียวกัน รวมทั้งการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภท Mix-use ที่มีส่วนประกอบหลักเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบเท่านั้น จึงมีความเสี่ยงที่บ้านแนวราบจะมีอุปทานล้นตลาด หรือพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอยู่ที่ที่อยู่อาศัยประเภทอื่นแทน
-
ความเสี่ยงจากการรับความช่วยเหลือทางการเงินจากผู้ถือหุ้นใหญ่ ORI เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ให้เงินทุนและเงินกู้ยืมหลักแก่บริษัทฯ อย่างไรก็ตามบริษัทฯ มีนโยบายที่จะลดการพึ่งพิงเงินกู้ยืมจากผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยอาจใช้เป็นเงินทุนสนับสนุนเฉพาะในช่วงที่บริษัทฯ มีความจำเป็นต้องใช้เงินทุนแบบเร่งด่วน หรือในกรณีที่บริษัทฯ มีสภาพคล่องส่วนเกินที่ไม่เพียงพอในช่วงเวลาดังกล่าว
-
หากบริษัทฯ มีการถูกปรับลดระดับความน่าเชื่อถือไป 2 ระดับ จาก BBB เป็นระดับที่ต่ำกว่า BBB- จะทำให้หุ้นกู้อยู่ในระดับที่ไม่น่าลงทุน
-
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนอาจได้รับดอกเบี้ยหรือเงินต้นไม่เป็นไปตามที่คาดหมาย
-
หากลูกค้าต้องการขายก่อนครบกำหนด ให้ติดต่อธนาคารพาณิชย์ / บริษัทหลักทรัพย์เพื่อให้หาผู้ซื้อให้ (ธนาคาร / บล.อาจมิได้รับซื้อไว้เอง) แต่ตลาดตราสารหนี้ในประเทศไทยมีสภาพคล่องต่ำ ซึ่งทำให้ขายไม่ได้ในทันที และ / หรือ อาจไม่ได้ราคาเท่ากับที่ซื้อมาหรือไม่ได้ราคาที่ต้องการโดยขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยและความต้องการของตลาดในขณะนั้น หรืออาจจะไม่สามารถหาผู้ซื้อได้เลยก็ได้ กรณีขายได้กำไร กำไรที่ได้จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายร้อยละ 15 ตามหลักเกณฑ์กรมสรรพากร
จัดอันดับความน่าเชื่อถือ
โดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อ วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2565
จองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท
เสนอขายผู้ลงทุนประชาชนทั่วไป
ช่องทางการจองซื้อ
หมายเหตุ
การจองซื้อผ่านเว็บไซด์ K-My Invest สามารถจองซื้อ ตั้งแต่เวลา 8.30 น. ของวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 ถึงเวลา 23.30
ของวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 และ ตั้งแต่เวลา 8.30 น. ถึงเวลา 15.30 น. ของวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2566 หรือตามดุลยพินิจของธนาคารฯ (ยกเว้นวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์)
การจองซื้อผ่านเว็บไซด์ K-My Invest สามารถเลือกชำระได้ 2 วิธี ได้แก่
1.จ่ายด้วย K PLUS (ต้องชำระภายใน 10 นาที ไม่เช่นนั้นรายการจองจะยกเลิกโดยอัตโนมัติ)
- กรณีลูกค้าโควต้าจองซื้อได้ตามยอดโควต้าที่ได้รับอนุมัติ
- กรณีลูกค้า Walk-in สามารถชำระได้ 30 ล้านบาทต่อวัน (ไม่กินวงเงิน Bill Pay ปกติ) หากลูกค้าต้องการจองซื้อมากกว่านี้ สามารถมาทำรายการในวันต่อไปในช่วงการจองซื้อ
2.จ่ายด้วย mobile banking ธนาคารอื่น 11 ธนาคาร (ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน)
ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) และธนาคารออมสิน) วงเงินการชำระเงินขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของธนาคารนั้นๆ
(รวมถึงสามารถจ่ายด้วย K PLUS ได้ ซึ่งหากเลือกว่าชำระเงินผ่านช่องทางอื่นที่ไม่ใช่ K PLUS แต่สุดท้ายมาใช้ K PLUS จ่ายจะมีวงเงิน
การทำรายการได้สูงสุดตามวงเงิน Bill Payment ของลูกค้า) ค่าธรรมเนียมการโอน / ชำระเงิน ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละธนาคาร
เงื่อนไขการจองซื้อ
จะต้องเป็นลูกค้าของธนาคารกสิกรไทยที่มีสัญชาติไทย และได้ลงทะเบียนฺพิสูจน์ตัวตนที่ระดับ IAL 2.3 แล้ว เช่น การลงทะเบียน NDID,
การเปิดบัญชี K-eSaving, การสมัคร Line BK, และการทำแบบประเมิน CRR
บริการ NDID บริการยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิตัล
เนื่องด้วยสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ขอรับจองซื้อที่สำนักงานใหญ่หรือสาขาของธนาคารเฉพาะกรณี
1.ผู้จองซื้อประเภทบุคคลธรรมดาสัญชาติต่างด้าว
2.ผู้จองซื้อประเภทนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศ หรือต่างประเทศเท่านั้น
ในกรณีผู้จองซื้อประเภทบุคคลธรรมดาสัญชาติไทยที่บรรลุนิติภาวะแล้วโปรดดำเนินการจองซื้อผ่านทางเว็บไซต์ www.kasikornbank.com/kmyinvest ทั้งนี้ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ขอสงวนสิทธิในการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับวิธีการจองซื้อ และรายละเอียดที่เกี่ยวข้องตามความเหมาะสม
สอบถามเพิ่มเติมที่ K-contact Center : 02-8888888 กด 819