มาตรการใหม่Mobile Banking 2568

มาตรการใหม่Mobile Banking 2568

มาตรการใหม่ Mobile Banking 2568: ธปท. จำกัด 1 บัญชี 1 อุปกรณ์ ยกระดับความปลอดภัย

อัปเดตล่าสุด! มาตรการ Mobile Banking ใหม่จาก ธปท. จำกัดการใช้งาน 1 บัญชีต่อ 1 อุปกรณ์ พร้อมระบบยืนยันตัวตนใหม่ด้วยใบหน้า

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกประกาศที่ 4/2568 เรื่องการยกระดับความปลอดภัยการใช้งาน Mobile Banking  โดยจำกัดการใช้งานเหลือเพียง 1 บัญชีต่อ 1 อุปกรณ์ พร้อมเพิ่มระบบยืนยันตัวตนด้วยเทคโนโลยี Face Comparison มีผลบังคับใช้ภายใน 30 วันหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา

สาระสำคัญของมาตรการใหม่

การจำกัดการใช้งานอุปกรณ์

ผู้ใช้สามารถลงทะเบียน Mobile Banking ได้ 1 บัญชีต่อ 1 อุปกรณ์เท่านั้น
ไม่สามารถใช้งาน Mobile Banking บัญชีเดียวกันบนหลายอุปกรณ์
สามารถดูบัญชีทั้งหมดที่มีในธนาคารนั้นๆ ผ่านแอปพลิเคชันได้
ต้องใช้ชื่อในซิมการ์ดตรงกับบัญชีธนาคาร

ระบบยืนยันตัวตนแบบใหม่

ธปท. กำหนดให้มีการยืนยันตัวตนด้วย Face Comparison และ Liveness Detection ในกรณี:

1. โอนเงินครั้งละ 50,000 บาทขึ้นไป

2. โอนเงินรวมครบ 200,000 บาทต่อวัน

3. เพิ่มวงเงินโอนตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป

การกำหนดวงเงินตามกลุ่มผู้ใช้

ผู้ใช้อายุต่ำกว่า 15 ปี: วงเงินโอนและถอนรวมไม่เกิน 50,000 บาทต่อวัน
การกำหนดเพดานวงเงินตามระดับความเสี่ยงของผู้ใช้
วงเงินสูงสุดขึ้นอยู่กับการประเมินความเสี่ยงของแต่ละธนาคาร

การเปลี่ยนแปลงระบบ Mobile Banking
การใช้งานและการแก้ปัญหา

กรณีเปลี่ยนโทรศัพท์เครื่องใหม่

1. ยกเลิกการใช้งานบนเครื่องเก่า

2. ติดต่อธนาคารเพื่อขอรหัสยืนยันตัวตนใหม่

3. ลงทะเบียนบนเครื่องใหม่พร้อมยืนยันตัวตน

4. ตั้งค่าความปลอดภัยและวงเงินการทำธุรกรรม

การใช้งานข้ามแพลตฟอร์ม

การย้ายระหว่าง iOS และ Android ต้องลงทะเบียนใหม่
ติดต่อธนาคารเพื่อขอคำแนะนำในการย้ายข้อมูล
ยังคงจำกัดการใช้งานเพียง 1 อุปกรณ์

ขั้นตอนการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า

1. เปิดแอปพลิเคชันธนาคาร

2. เข้าเมนูตั้งค่าความปลอดภัย

3. เลือกการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า

4. ปฏิบัติตามขั้นตอนการสแกนใบหน้า

5. ทดสอบระบบการยืนยันตัวตน

การรับมือกรณีฉุกเฉิน

ช่องทางติดต่อเมื่อเกิดปัญหา
แจ้งอายัดบัตร/บัญชี: 1155 (ศูนย์ป้องกันอาชญากรรมทางการเงิน)
Call Center ของแต่ละธนาคาร
สาขาธนาคารใกล้บ้าน
ช่องทางออนไลน์ของธนาคาร

การกู้คืนบัญชีเมื่อมีปัญหา

1. แจ้งอายัดบัญชีทันที

2. ติดต่อ Call Center ธนาคาร

3. เตรียมเอกสารยืนยันตัวตน

4. ดำเนินการตามขั้นตอนการกู้คืน

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q: มาตรการนี้มีผลเมื่อไร?

A: มีผลบังคับใช้ภายใน 30 วันหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2568

Q: สามารถดูบัญชีอื่นๆ ในธนาคารเดียวกันได้หรือไม่?

A: สามารถดูได้ทุกบัญชีที่มีในธนาคารนั้นๆ ผ่านแอปพลิเคชันเดียว

Q: ต้องยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าทุกครั้งหรือไม่?

A: เฉพาะการทำธุรกรรมที่มีมูลค่าสูงตามที่กำหนด

Q: หากมีปัญหาการใช้งานต้องทำอย่างไร?

A: ติดต่อ Call Center ของธนาคารหรือสาขาใกล้บ้าน พร้อมเตรียมเอกสารยืนยันตัวตน

การเตรียมความพร้อม

1. ตรวจสอบชื่อในซิมการ์ดให้ตรงกับบัญชีธนาคาร

2. เลือกอุปกรณ์หลักที่จะใช้งาน Mobile Banking

3. อัปเดตแอปพลิเคชันให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด

4. ศึกษาวงเงินและข้อจำกัดใหม่

5. เตรียมการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า

มาตรการใหม่นี้เป็นการยกระดับความปลอดภัยทางการเงินของประชาชน เพื่อรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนมากขึ้น ผู้ใช้บริการควรศึกษาและปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามธนาคารที่ใช้บริการได้โดยตรง

*หมายเหตุ: ข้อมูลอ้างอิงจากประกาศ ธปท. ที่ 4/2568 สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ธนาคารแห่งประเทศไทย*

ที่มา:Thansettakij

 

Similar Posts